ร้อยเอ็ด – วุ่นกันทั้งบ้านเบิกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้ วิ่งปรึกษาทนาย ขอค่าดำเนินการ 8,000 บาท

วุ่นกันทั้งบ้านหลังจาก ไปกดเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทไม่ได้ เพราะบัตร ATM เจ้าตัวเป็นผู้สูงอายุป่วยติดเตียงด้วย ไปถามธนาคารแจ้งว่าต้องให้ เจ้าตัวมาเซ็น แต่เจ้าตัวไม่สามารถเซ็นได้ วิธีเดียวที่จะทำได้ก็คือยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งมา ไปปรึกษาทนายบอกว่าจะต้องจ่ายเงินค่าดำเนินการ 8,000 บาทจนคิดว่าจะไม่ทำอะไรแล้ว สุดท้ายเข้าขอความช่วยเหลือจากอัยการคุ้มครองสิทธิ์ร้อยเอ็ด จนเรื่องทั้งหมดยุติด้วยดี

จากกรณีที่นางพรชนก พรหมโคกกลาง อายุ 44 ปีอยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 4 ตำบลรอบเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด บุตรของนายประมูล วินทะชัย อายุ 75 ปี ซึ่งเป็นผู้สูงอายุและป่วยติดเตียง จะ ไปกดเงิน ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท มาใช้จ่ายในครอบครัว แต่กดเงินไม่ได้เนื่องจาก เอ ที เอ็ม ของพ่อหมดอายุมาแล้ว 2 เดือน จึงเดินทางไปยังธนาคารออมสิน สาขาสี่แยกโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ซึ่ง พ่อเปิดบัญชีไว้ แต่ธนาคารบอกว่า ไม่สามารถจะทำบัตร ATM ใหม่ให้ได้ เพราะเจ้าตัวต้องมาเซ็นด้วยตัวเอง ตนจึงบอกว่าพ่อนอนป่วยติดเตียงไม่สามารถเซ็นหรือพูดเป็นสำเนียงได้เลย ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารบอกว่าสิ่งที่จะทำได้ก็คือ ทายาทต้องไปยื่นเรื่องต่อศาล เพื่อให้ศาลมีคำสั่งออกมา จึงจะดำเนินการให้ ได้

จากนั้นตนไปสอบเจ้าหน้าที่ที่ศาล ทราบว่าไม่สามารถยื่นเรื่องขอคำสั่งศาลด้วยตัวเองได้ จะต้อง ให้ทนายความเป็นคนยื่นเรื่อง และดำเนินการ รวมทั้งต้องนำทายาททุกคนมาร่วมลงชื่อด้วย ตนจึงได้บอกพี่น้อง อีก 2 คน ซึ่งในจำนวนนี้ 1 คน ทำงานอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต้องลางาน รีบซื้อตั๋วรถทัวร์ เดินทางกลับร้อยเอ็ดใช้เวลากว่า 12 ชั่วโมง แต่ พอไปสอบถามทนายความ ทนายคนแรกบอกว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ 6,000 บาท จึงยังไม่ตัดสินใจ ไปถามทนายคนที่ 2 จะมีค่าใช้จ่าย 8,000 บาท ตอนแรกคิดว่าจะตัดสินใจจ้างทนาย เพราะลำบากมากแล้ว แม้จะจ่ายไป 8,000 ยังเหลือบ้าง 2,000 บาท แต่คิดดูอีกที เราต้องควักเงินสดจ่ายทนายจำนวน 8,000 บาท และไม่รู้ว่าจะเบิกเงินหมื่นได้เมื่อไหร่ ได้จึงไม่ตกลง ช่วงนั้นมีเพื่อนแนะนำว่าให้ไปที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ตนก็ได้เดินทางไปที่ศูนย์ดำรงธรรม ทางศูนย์ดำรงธรรมก็แจ้งให้ไปยื่นเรื่องกับยุติธรรมจังหวัด ตนก็ไปยุติธรรมจังหวัด

สุดท้ายก็ต้องไปจบที่ศาล เรื่องที่เกิดขึ้นแค่พ่อเซ็นชื่อไม่ได้ ทำเอาลำบากทั้งครอบครัวมากขนาดนี้หรือ หรือจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องกลับไปจ่ายค่าทนาย ไปถึง 8,000 บาท ท้ายที่สุดมีคนแนะนำลองไปขอความช่วยเหลือ จากศูนย์ประสานงานคุ้มครองสิทธิ์ และช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ของคณะกรรมการอัยการภาคประชาชนจังหวัดร้อยเอ็ด โดยความร่วมมือ ของสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิ์และช่วยเหลือทางกฎหมาย และการบังคับคดีจังหวัดร้อยเอ็ด ก็ได้พบกับนายชานนท์ ลิขิตบัณฑูร ประธานคณะกรรมการการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาสำนักงานอัยการภาค 4 และสอบถามปัญหาที่เกิดขึ้น ก่อนจะประสานไปยัง พ.ต.ท.บุณถิ่น วันภักดี อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดร้อยเอ็ด มาร่วมรับฟังเพื่อหาทางช่วยเหลือ จากนั้นได้สอบถามๆไปยังทางธนาคาร ว่าจะมีทางออกแก่ประชาชนที่สะดวกรวดเร็ว

ต่อมานางปาริชาติ บุญมาศ ผู้จัดการธนาคารออมสินสาขาสี่แยกโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ก็ได้นำเจ้าหน้าที่ธนาคารลงพื้นที่ร่วมกับคณะอัยการคุ้มครองสิทธิ์ไปยังบ้านของของนายประมูล วินทะชัย พบว่านอนป่วยติดเตียงขยับร่างกายแขน ขา ลำบากลูกต้องคอยดูแลป้อนน้ำ อาหารให้ ผู้จัดกานธนาคารกล่าวอีกว่าก่อนหน้านี้ พบว่าลูกค้ารายดังกล่าวมีบัตร เอทีเอ็ม ซึ่งปกติก็กดเงินได้เลย ทีนี้ บัตรเอทีเอ็มดันหมดอายุ จึงกดเงินไม่ได้ ตามระเบียบถ้าจะทำบัตรใหม่ต้องให้เจ้าตัวไปเซ็นที่ธนาคาร แต่เจ้าตัวเป็นผู้ป่วยติดเตียง และไม่สามารถเซ็นได้ ธนาคารจึงทำบัตรใหม่ให้ไม่ได้ เพราะมันเป็นระเบียบของธนาคาร จะต้องเข้าสู่กระบวนการของศาล โดยทายาทต้อง ร้องไปยังศาลให้มีคำสั่งถึงธนาคาร จึงจะสามารถดำเนินการทางธุรกรรมให้ได้ ปัจจุบันทายาทซึ่งเป็นบุตรไปยื่นเรื่องขอเป็นผู้ดูแล ผู้บริบาลให้กับคุณพ่อแล้ว ฉะนั้นเงินส่วนนี้ซึ่งเป็นเงินพึงมีพึงได้จากเงินผู้สูงอายุจากผู้พิการ ก็จะเข้าบัญชีผู้ดูแล

จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาแล้ว ตอนนี้ผู้ป่วยไม่สามารถเขียนลายมือชื่อได้ จำเป็นต้องพิมพ์ลายนิ้วมือแทน เพื่อเสนอเรื่องอนุมัติโอนเงินเข้าบัญชีของผู้ดูแลต่อไป ทำเอาครอบครัวและลูกๆ ที่อึดอัดมาหลายวันโล่งอกและขอบคุณทางอัยการคุ้มครองสิทธิ์และคณะ รวมทั้งผู้จัดการธนาคารอออมสิน สาขาสี่แยกโรงพยาบาลร้อยเอ็ดที่ให้การช่วยเหลือจนจบด้วยดี

ผู้จัดการธนาคารออมสินกล่าวทิ้งท้ายว่า หากพี่น้องประชาชนท่านใดประสบปัญหาในลักษณะดังกล่าวสามารถแจ้งไปยังธนาคารออมสินทุกสาขาใกล้บ้านซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารจะออกไปให้บริการถึงที่ เพื่อ ลดภาระและแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป